แสงสีฟ้า อันตรายใกล้ตัว
ทุกวันนี้เราใช้เวลาบนจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งมือถือ แทบเลต และจอทีวี ซึ่งแน่นอนว่าหากเรามีการเพ่งสายตาบนจอดิจิทัลเหล่านี้เป็นระยะเวลานาน ย่อมมีปัญหาทางด้านกล้ามเนื้อทางดวงตา เพราะว่าบนจออุปกรณ์ต่าง ๆ มีแสงสีฟ้า ที่ส่งผลต่อสุขภาพของดวงตาเราได้
ภัยอันตรายจากแสงสีฟ้า คือ ไม่ว่าจะเป็นแสงสีฟ้า จากโทรศัพท์ หรือจอจากอุปกรณ์ทัชสกีนและแสงสีฟ้าธรรมชาติ สามารถสร้างคลื่นพลังงานสูงต่อเซลล์ภายในเลนส์ตา โดยเฉพาะส่วนจอตา (Retina) ที่ทำหน้าที่เป็นรูรับแสงแล้วส่งภาพไปยังจุดภาพชัด (Macula) เสื่อมสภาพการส่งภาพไปยังส่วนประสาทตาได้ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้การมองเห็นผู้ป่วย มองเห็นภาพเบลอ ตามัว มองเห็นไม่ชัด ไม่สามารถปรับรูม่านแสงชั่วขณะได้ ดวงตาอาจต้องใช้เวลาในการปรับแสงสักพักเพื่อให้รูรับแสงปรับตัวกับแสงตามสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
ผลกระทบจากแสงสีฟ้า
- ภาวะตาล้า ได้แก่ อาการปวดตา, ตาแห้ง, ตาพร่า, น้ำตาไหล
- จอประสาทตาเสื่อม ถ้าเผชิญหน้ากับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์ในดวงตาตาย เนื่องจากคลื่นแสงพลังงานสูงเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในเซลล์ของจอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลงส่งผลให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย
- ผลกระทบต่อการนอนหลับ (Insomnia)การได้รับคลื่นพลังงานแสงสีฟ้ามากเกินไป มีผลต่อ นาฬิกาชีวิต (Circadian rhythm) ของระบบทำงานภายในร่างกายแต่ละบุคคลเปลี่ยนไป แสงสีฟ้าจากหน้าจอทำให้ต่อมไพเนียล(Pineal gland) ที่สร้างฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) จากสมองน้อยลง สร้างผลกระทบให้ผู้ป่วยนอนไม่หลับ และหลับไม่สนิท
วิธีปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า
- ใช้แว่นกรองแสงสีฟ้าเพื่อปกป้องดวงตา
- ปรับความสว่างหน้าจอให้พอดี ควรปรับระดับแสงจากหน้าจอเป็นสีแนวโทน Warm light ให้สอดคล้องกับแสงสว่างในห้องของผู้ใช้ให้พอดี หากทำงานเวลากลางคืน ควรเปิดโคมไฟแสงสีขาวคู่กับหน้าจอคอม
- พักสายตาโดยใช้หลักการ 20-20-20 พื่อพักดวงตาที่ได้รับรังสีแสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ใช้สายตาจดจ้องมากเกินไป มีวิธีเริ่มต้นคือ การหลับตา หรือมองออกไปยังทิวทัศน์มุมอื่น ๆออกไปประมาณ 20 วินาที ในระยะอย่างน้อย 20 ฟุต ในทุก ๆ 20 นาทีในขณะทำกิจกรรม
- ใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา น้ำตาเทียม (Artificial tears) เป็นสารมีมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับน้ำตาธรรมชาติ ช่วยหล่อลื่นและเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ดวงตา บรรเทาอาการตาล้า ตาแห้ง จากการปะทะแสงสีฟ้าในจอคอม ให้หายอาการตาล้า บรรเทาความระคายเคืองในดวงตาให้ทุเลาลงได้
- ทาน วิตามินบำรุงตา ปัจจุบันมีวิตามินบำรุงดวงตาหลากหลายยี่ห้อให้เลือก โดยควรเน้นความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และจำนวนสารอาหารหรือวิตามินที่จำเป็นสำหรับการดูแลสุขภาพดวงตาของเรา ได้แก่
- สารในตระกูลแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งในธรรมชาติมีมากถึง 600 ชนิด แต่มีเพียง 2 ชนิด คือ ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่พบในบริเวณเนื้อเยื่อตา และพบมากที่สุดบริเวณจุดศูนย์กลางของจอประสาทตา เป็นสาร Antioxidant ที่ช่วยเรื่องการบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจกและโรคจอตาเสื่อม ทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระและกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา
- สารไลโคปีน (Lycopene)จากผิวมะเขือเทศ เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีบทบาทสำคัญในการบำรุงร่างกาย ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคต้อกระจก ป้องกันเยื่อบุตาอักเสบ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา และช่วยบำรุงสายตา ทำให้มองเห็นในที่มืดได้ดี
- สารเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ป้องกันผิวจากอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากับแสงแดด ผิวพรรณสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย ดูสดใสอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสภาพปกติของเซลล์เยื่อบุตาขาว กระจกตา ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ รวมถึงทางเดินปัสสาวะให้เป็นปกติ และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี
- วิตามินเอ (Vitamin A Acetate) วิตามินสำหรับดวงตา มีประโยชน์ต่อสมรรถภาพในการมองเห็น ช่วยให้มองเห็นในที่ที่มีแสงสว่างน้อย และมองเห็นสีสันต่าง ๆ เป็นปกติ นอกจากนี้ยังควบคุมการผลิตและการทำงานของเซลล์ผิวหนังและเซลล์เยื่อบุทั่วร่างกายให้เป็นปกติ
- วิตามินอี (Vitamin E DL – Alpha – Tocopheryl Acetate) สารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ดี ป้องกันการทำลายเซลล์หรือลดความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงภาวะผนังหลอดเลือดแข็งตัว, โรคหัวใจ, ภาวะความดันโลหิตสูง, ภาวะปวดอักเสบข้อ, ความแก่ หรือภาวะมะเร็งตามมาได้ในระยะยาว
- วิตามินบี (Vitamin B Complex) เกี่ยวข้องกับการทำงานของเอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยในการผลิตกรดอะมิโน เสริมสร้างร่างกายที่สึกหรอ ช่วยรักษาสมดุลของระบบต่าง ๆ Vitamin B1 ช่วยลดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า Vitamin B2 ช่วยเร่งขบวนการเผาผลาญสารอาหารคาร์โบไฮเดรตและไขมัน Vitamin B3 ทำให้ร่างกายสดชื่นได้อย่างรวดเร็ว Vitamin B5 ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น บำรุงผิวหนังและระบบประสาทให้ทำงานได้ดีขึ้น Vitamin B6 จำเป็นในขบวนการสร้างฮอร์โมนและสารสื่อประสาทต่างๆ ในร่างกาย ลดอาการสมองเสื่อมและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย Vitamin B12 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง กระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็กและระบบการย่อยอาหารและดูดซึมอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเร่งขบวนการเผาผลาญสารอาหารต่าง ๆ ให้เกิดเป็นพลังงาน