ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์มีความต้องการวิตามินและแร่ธาตุที่มากกว่าคนปกติทั่วไป โดยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ได้รับเข้าไปนั้น จะช่วยบำรุงสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์
วิตามินและแร่ธาตุมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการสร้างอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ หากหญิงตั้งครรภ์ได้รับวิตามินและแร่ธาตุไม่ครบถ้วนหรือไม่เพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้โดยตรง โดยอาจทำให้หญิงตั้งครรภ์นั้นคลอดบุตรก่อนกำหนด คลอดผิดปกติ แท้งบุตร น้ำหนักและส่วนสูงของทารกที่คลอดน้อยกว่าปกติ ทารกพิการแต่กำเนิด หรือสติปัญญาต่ำ เป็นต้น
วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่ควรได้รับในระหว่างตั้งครรภ์
วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นต่อหญิงตั้งครรภ์ ได้แก่
– วิตามินเอ
ช่วยสร้างกระดูกและฟันของทารก ช่วยบำรุงรักษาเซลล์ชนิดบุผิวของอวัยวะต่างๆ ของหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
– วิตามินบี 1
ช่วยการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันท้องผูก ป้องกันอาการทางระบบประสาท ช่วยในการผลิตน้ำนม
– วิตามินบี 2
มีความจำเป็นต่อการหายใจของเซลล์ รักษาสภาพเยื่อบุผิวให้เป็นปกติ ทำให้ทารกเจริญเติบโตได้เป็นปกติ
– วิตามินบี 6
ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และกระดูก ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องและอาการนอนไม่หลับระหว่างตั้งครรภ์
– วิตามินบี 12
จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการสร้างระบบประสาทของทารกในครรภ์ ช่วยในกระบวนการเมทาบอลิซึมของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้เจริญอาหาร
– กรดโฟลิกหรือโฟเลต
จำเป็นต่อพัฒนาการสมองของทารก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค ป้องกันการเกิดภาวะแท้ง
– วิตามินซี
ช่วยสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นองค์ประกอบของกระดูก กระดูกอ่อน ฟัน และผนังเส้นเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการแพ้ต่างๆ ป้องกันโรคภูมิแพ้
– วิตามินดี
จำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟัน และการเจริญเติบโตของทารก
– แคลเซียม
ช่วยสร้างกระดูกและฟันของทารก ช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูกของหญิงตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ที่ขาดแคลเซียมอาจมีอารมณ์แปรปรวน จิตใจว้าวุ่น มีอาการ ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ เป็นตะคริวได้
– เหล็ก
จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดงทั้งสำหรับหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์
– ไอโอดีน
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หากขาดไอโอดีน ทารกจะตัวเล็ก ภาวะสมองไม่เจริญเติบโตตามปกติ มีสติปัญญาต่ำ
– สังกะสี
ช่วยควบคุมการ ทำงานของเซลล์ต่างๆ ช่วยเรื่องระบบการไหลเวียนเลือด ช่วยในการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการต่อต้านเชื้อโรค
– Omega 3
กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 fatty acid) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง DHA (Docosahexaenoic acid) ถือเป็นสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับหญิงตั้งครรภ์ โดยกรดไขมันโอเมก้า 3 นั้น มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ช่วยให้ทารกมีพัฒนาการทางสมองและสายตาที่สมบูรณ์ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด และลดโอกาสที่ทารกแรกคลอดจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติด้วย
ที่มา : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์